เรื่องของเงินสํารองฉุกเฉิน ที่ทุกคนควรมีเก็บไว้
เงินสำรองฉุกเฉินเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ เพราะเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ และอาจส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุนที่คุณวางไว้จนพลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย เพราะฉะนั้นจึงควรเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้าค่ะ
ประโยชน์ของการเก็บเงินสำรองฉุกเฉิน
การมีเงินสำรองฉุกเฉินจะช่วยไม่ให้เกิดการกู้ยืมเงิน เมื่อคุณกำลังประสบปัญหาที่ไม่คาดฝัน อย่างเช่น ประสบอุบัติเหตุ เจ็บป่วย บ้านพัง รถเสีย พิษเศรษฐกิจ หรือ การตกงานอย่างไม่คาดฝัน และยังช่วยอำนวยความสะดวกต่อการดำเนินตามแผนทางการเงินของคุณ ไม่มีอุปสรรคเข้ามาทำให้ต้องสะดุดนั่นเองค่ะ
วิธีเก็บเงินสำรอง
1.บริหารค่าใช้จ่ายให้เป็น
เริ่มต้นจากการจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เพื่อให้เห็นภาพของ รายรับ รายจ่าย และยอดคงเหลืออย่างชัดเจน ซึ่งจะง่ายต่อการแบ่งเงินสำรองฉุกเฉิน และส่วนอื่น ๆ มาเก็บไว้ได้อย่างเหมาะสม โดยการฝากเงินไว้ในธนาคารเพื่อเก็บผลตอบแทนจากดอกเบี้ย ก็เป็นวิธีที่ดีเช่นกัน
2.ลดค่าใช้จ่าย หรือ เพิ่มรายได้
พยายามลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นโดยไม่ให้เกิน 70 - 80 % ของรายได้ และใช้สิทธิประโยชน์ส่วนลดต่างๆ เพื่อให้มีเงินเหลือเก็บเข้าธนาคารมากขึ้น หรือถ้าหากเป็นคนประหยัดอยู่แล้วก็อาจจะมองหาวิธีการเพิ่มรายได้พิเศษจากงานเสริม ซึ่งควรเป็นงานที่ไม่ส่งผลกระทบกับงานหลักมากค่ะ
แล้วต้องเก็บเงินสำรองให้ได้เท่าไหร่จึงจะพอ ?
ตามมาตรฐานของผู้มีงานประจำแล้วควรที่จะเก็บเงินสำรองฉุกเฉินให้ได้อย่างน้อย 3 - 6 เท่าของค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน เช่น ค่าใช้จ่ายรายเดือน 20,000 บาท ควรมีเงินฝากขั้นต่ำที่ 60,000 - 120,000 บาท โดยจะเป็นการตั้งเป้าเก็บออมสะสมไปเรื่อย ๆ จนถึงยอดที่กำหนดไว้ ไม่จำเป็นต้องหามาให้ได้ทีเดียวค่ะ และสำหรับผู้ที่ประกอบอาชีพทำงานแบบไม่ประจำหรือฟรีแลนซ์ ซึ่งมีรายได้ไม่มั่นคง ก็อาจจะต้องพยายามแบ่งเงินจะหวะที่ได้มากมาเก็บสะสม หรือหาโอกาสลงทุนในกองทุนรวม ไม่ก็ซื้อทองเก็บไว้ เป็นต้น
หลายคนมักเข้าใจผิดสับสนระหว่างการเก็บเงินออม และเงินสำรองฉุกเฉินเป็นก้อนเดียวกัน ซึ่งถึงแม้ลักษณะการเก็บจะคล้าย ๆ กัน แต่จุดประสงค์นั้นไม่เหมือนกันเลย เพราะเงินออมควรเป็นเงินที่สามารถใช้สร้างอนาคตได้ ในขณะที่เงินสำรองฉุกเฉินควรแบ่งไว้สำหรับกรณีใช้จ่ายยามจำเป็นเท่านั้น ดังนั้นเราควรจะแยกสองสิ่งนี้ออกจากกัน เพื่อความราบรื่นในการบริหารจัดการเงินค่ะ